วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ปชป.ท้า'สุกำพล'รวบกลุ่มคนจ้องล้มรัฐหากมีจริง โดย: ไทยรัฐออนไลน์ 23 ตุลาคม 2555, 17:54 น.




ปชป.ท้า'สุกำพล'รวบกลุ่มคนจ้องล้มรัฐหากมีจริง

เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ย้อนถามเพื่อไทยศึกซักฟอกล้มรัฐด้วยหรือไม่ ขำ “เด็จพี่” ปล่อยข่าวคนละคีย์กับ “สุกำพล” ท้ารัฐให้จับหากมีกลุ่มคนจ้องล้มจริง ย้ำปล่อยรัฐอยู่ครบเทอมพิสูจน์ผลงาน...

เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุว่า มีขบวนการบันได้ 5 ขั้น จ้องล้มรัฐบาล โดยพาดพิงถึงคนที่เห็นต่างและฝ่ายที่ตรงข้ามกับรัฐบาลว่า ความเห็นต่างเหล่านี้เป็นความเห็นทางวิชาการที่วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ พยายามตีขลุมเหมารวม ว่ามีบันได 5 ขั้นเพื่อล้มรัฐบาล และพยายามโยงไปถึงการปูดข่าวการไซฟ่อนเงิน การจำนำข้าว การนำรถหรูเข้าประเทศโดยไม่เสียภาษี หรือชายชุดดำ ว่าเป็นการกระบวนการล้มรัฐ ทั้งๆ ที่ประเด็นทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่ทุกฝ่ายต้องตรวจสอบการทำงาน แต่รัฐบาลกลับยัดเยียดเรื่องการตรวจสอบว่า เป็นบันได 5 ขั้น ก็ต้องถามว่า ถ้าเป็นอย่างนี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเป็นขบวนการล้มรัฐบาลด้วยหรือไม่
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนการพยายามพาดพิงมายังองค์กรพิทักษ์สยาม โดยอ้างว่าการชุมนุมในวันที่ 28 ต.ค. จะมีฝ่ายการเมืองเกณฑ์คนมาร่วมชุมนุม รวมถึงการพยายามใบ้ตัวอักษรว่า มีคนอักษร “ส” ให้คนอักษร “ถ” นำเงินไปอุดหนุน และพยายามพูดให้สังคมเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง และคนอักษร ส และ ถ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียนว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรพิทักษ์สยาม เพราะการชุมนุมขององค์กรดังกล่าวเป็นสิทธิ์ของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนถ้าจะมีสมาชิกพรรคเข้าไปร่วมด้วยถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรค พรรคไม่มีแนวความคิดที่จะต้องเกณฑ์คน หรือสมาชิกเข้าร่วมชุมนุมไม่ว่าการชุมนุมใดๆ ทั้งสิ้น และเชื่อว่าสมาชิกพรรคมีวิจารณญาณพอที่จะเลือกการเข้าร่วมชุมนุม ที่แปลกใจคือนายพร้อมพงศ์พยายามโยงว่าองค์กรฯ เป็นหนึ่งในกระบวนการล้มรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.หลาโหม ออกมาบอกว่าองค์กรดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการล้มรัฐบาล ขอร้องไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.อ.สุกำพลว่า หากมีการล้มรัฐบาลจริง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และคนที่เคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลมีความผิดในข้อหากบฏในราชอาณาจักรก็ต้องถามว่า ทำไมไม่ดำเนินการกับคนพวกนี้ หรือเพียงหวังประโคมข่าวสร้างผลทางการเมืองมากกว่าหวังผลทางปฏิบัติ ดังนั้นหากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการก็ควรที่จะยุติการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลหวั่นไหวต่อการชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยาม เพราะเกรงว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองภาคประชาชน ถ้าจุดกระแสติดจะมีผลต่อรัฐบาล เพราะเป็นขบวนการต่อต้านที่เป็นรูปธรรม เพราะเมื่อขบวนการจี้จุดติด ก็อาจจะลุกลามและเหมือนกับการชุมนุมของคนเสื้อเหลืองเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 ที่เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ กลายเป็นกลุ่มใหญ่ มิเช่นนั้นรัฐบาลคงไม่ส่ง ร.ต.อ.เฉลิมเข้าไปเจรจากับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยาม ซึ่งพฤติกรรมของ ร.ต.อ.เฉลิมที่ยกขบวนไปเคลียร์กับ พล.อ.บุญเลิศ แสดงให้เห็นชัดว่ารัฐบาลหวั่นไหวต่อขบวนการนี้ และเรื่องที่ไปหารือหรือไปเคลียร์มานั้นก็เป็นสิทธิ์ของ ร.ต.อ.เฉลิมเองว่าจะเปิดเผยผลการหารือหรือไม่ แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะให้รัฐบาลอยู่ครบเทอม เพราะจะได้พิสูจน์ฝีมือของรัฐบาล อยากให้โครงการต่างๆ ที่รัฐบาลยืนกระต่ายขาเดียวตายคามือรัฐบาล และจะได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่ทำสำเร็จหรือไม่ ไม่ต้องมีข้อแก้ตัวว่ารัฐบาลทำได้แค่ครึ่งเดียวหรือไม่สัมฤทธิ์ผลตามนโยบาย


นายเทพไท ได้กล่าวถึงผลการประชุมครม.สัญจรที่จ.สุราษฏ์ธานีและนครศรีธรรมราช ว่า ที่โฆษกของรัฐบาลแถลงผลการประชุม ครม.สัญจรระบุว่า ได้อนุมัติโครงการ 69 โครงการ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาทเศษให้พัฒนาภาคใต้ แต่ถ้าดูในรายละเอียดเป็นการอนุมัติหลักการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทั้งสิน อนุมัติ 517 ล้านบาท โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอนุมัติเพียง 100 ล้าน บาท จากที่ได้ขอโครงการทั้งสิ้น 1.3 หมื่นล้านบาท จึงเป็นแค่การโปรยยาหอม ขายฝัน สร้างความหวัง เหมือนกับกรณีอนุมัติโครงการในการประชุมครม.ครั้งที่ไปฝั่งอันดามัน คือภูเก็ต 8 หมื่นล้านบาท ตรวจสอบพบว่า อนุมัติจริงเพียง 6 ร้อยล้านบาทเท่านั้น การอนุมัติให้นครศรีธรรมราชเพียง 100 กว่าล้านบาท คนนครศรีธรรมราชบอกว่าไม่คุ้มกับที่ยก ครม.ที่ไปเหยียบพระธาตุนครศรีฯ

ส่วนการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯออกมาพูดถึงความสำเร็จของครม.สัญจรครั้งนี้และพูดพาดพิงถึงพรรค ประชาธิปัตย์โดยตั้งคำถามว่า ปชป.ทำอะไรเพื่อคนภาคใต้บ้าง ก็ต้องตอบว่าในรัฐบาลของปชป. ได้ทำประโยชน์ให้กับพี่น้องภาคใต้มากกว่าคนของพรรคเพื่อไทยแน่นอน อีกทั้งยังทำประโยชน์ให้กับทุกภาคของประเทศ ไม่เลือกปฏิบัติเหมือนกับพรรคไทยรักไทยในอดีต ดังนั้นต้องเรียนว่าอย่าสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยใช้ประเด็นทางการเมืองสร้างความสับสนให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม เกรงว่าโครงการที่ได้อนุมัติจะหลอกคนใต้มากกว่าสร้างประโยชน์
.
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
23 ตุลาคม 2555, 17:54 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น