เบี่ยงเป้าโฟกัสเบลอ
ยิ่งลักษณ์
ตามท้องเรื่องมหากาพย์ “ขุมทรัพย์สื่อสาร” ที่เป็นชนวนโค่นอำนาจอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จากปมขายหุ้นอาณาจักรชินฯให้กับกลุ่มทุนข้ามชาติของสิงคโปร์ มูลค่ามหาศาลกว่า 7 หมื่นล้านบาท เป็นหัวเชื้อให้ฝ่ายต่อต้านปลุกกระแสโห่ไล่ ก่อนถูกปฏิวัติรัฐประหาร และที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็สั่งยึดทรัพย์เกือบครึ่งหนึ่งของอดีตนายกฯตกเป็นของแผ่นดิน
ฐานคอรัปชันเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง
โดยท้องเรื่องต่อเนื่องกัน มันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้กับปรากฏการณ์ยื้อยุดฉุดกระชากโครงการประมูลเครือข่ายโทรศัพท์ระบบ 3 จี ที่กลายเป็นวาระแห่งชาติที่หลายฝ่ายกระโดดเข้าร่วมวงตะลุมบอน แม้จะผ่านขั้นตอนการประมูลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไปแล้ว
แต่ส่อแววว่าจะสะดุด 3 จี มีแนวโน้มว่าอาจต้องรอไปอีก 3 ชาติ
ในบรรยากาศที่ฝ่ายต้านแปรรูปขบวนเข้าขวางลำ โดยเฉพาะน้ำหนักของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เปิดหน้าเปิดตัวออกมาเล่นเอง ถึงขั้นทำหนังสือคัดค้านการประมูลคลื่น 3 จีของ กสทช.ให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการจัดประมูลใบอนุญาต 3 จี ที่อาจเข้าข่ายขัด พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือที่รู้จักกันว่า “พ.ร.บ.ฮั้ว”
และก็เปิดตัวออกมาถือหางทันทีเลยเหมือนกัน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ยกย่องบทบาทของ น.ส.สุภา เป็นคนที่เที่ยงตรง น่าได้รับการปกป้องจากคนไทย แถมไม่วายแขวะไปถึง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ไปยันนักการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ไม่กล้าวิจารณ์ปมฮั้วประมูล 3 จี
ไม่กล้าสวนกระแสสังคมไทยส่วนใหญ่ที่อยากให้เดินหน้า
ประชดประชันกันเป็นเชิงเหน็บพวกเห่อเทคโนโลยีใหม่ โดยไม่สนความผิดถูก
โดยจังหวะหามุมกระแทกชิ่งของนายกรณ์ มันก็น่าสนใจ ถ้าเจ้าภาพหลักของโครงการประมูล 3 จีไม่ใช่องค์กรอิสระอย่าง กสทช. แต่เป็นงานในความรับผิดชอบของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ป่านนี้มีหวังโดนพรรคประชาธิปัตย์กับเครือข่ายฝ่ายต้านดาหน้าถลกหนังเลือดสาด
สั่งเช็กบิล เคลียร์โต๊ะกันไปแล้ว
แต่ในแนวกลับกัน เมื่อไม่เกี่ยวกับรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” อยู่นอกวิถีแรงกระแทก ตามจังหวะก็ถือว่าปม 3 จี ได้ช่วยแบ่งเบากระแส เบี่ยงพื้นที่ข่าวในประเด็นที่มีผลลบต่อรัฐบาล
ในปรากฏการณ์ที่เซียนการตลาดมองว่า “เป้าโฟกัส” เบลอ
ยิ่งสำรวจกระดานข่าวที่กระจัดกระจายสารพัดปมร้อนแทรกคิวกันรายวัน ถึงวันนี้เรื่องจำนำข้าวที่จัดเป็นเดิมพันอยู่เดิมพันไปของรัฐบาลก็ซาลงไป ตามอารมณ์นิ่งๆของนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ย้ำสคริปต์เดิมรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไป เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรชาวนา
ฝ่ายจ้องล้มโครงการไม่กล้าบุ่มบ่ามหักอารมณ์รากหญ้าก็แล้วกัน
ขณะที่ปมร้อนไซฟ่อนเงินที่ฮ่องกงที่ฮือฮาๆแต่พอต่างฝ่ายต่างโต้กันไปมา เปิดโปงตัวละครที่อยู่เบื้องหลังใครเป็นใคร ชั่งน้ำหนักระหว่าง “เจ๊ ด” เจ้าประจำที่ถูกโยงกับปมคอรัปชัน กับพวกขาประจำที่จ้องล้ม “ยิ่งลักษณ์”
หักลบกลบกระแสกัน มันจึงยังก้ำกึ่ง ไม่ถึงกับเข้าเนื้อลึกมาก
ยังมีวาทกรรม “ชายชุดดำ” ที่เบิ้ลบลัฟกันไปมา ฝ่ายประชาธิปัตย์จัดแรลลี่ตามล่าหาไอ้โม่งแฝงตัวในม็อบแดงฆ่าเจ้าหน้าที่และประชาชน ฝั่งเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง นปช.ก็โต้ด้วยการตั้งค่าหัวให้เป็นล้านถ้าลากคอไอ้โม่งชุดดำมาประจานได้
โดยจังหวะต่อเนื่องยังโยงไปถึงความเคลื่อนไหวในเวทีสานเสวนาที่ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มอบธงให้ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ลุยถั่วยั่วอารมณ์ของฝ่ายต้านเกมปรองดอง
ลองของ แหย่ๆถอยๆ สับขาหลอกกันเป็นระยะ
ในจังหวะที่นายกฯยิ่งลักษณ์ยังถือไพ่เด็ดอยู่ในมือ พร้อมตีเล่นกระแสได้ในสถานการณ์จวนตัว กับเกมปรับ ครม.ที่ยังเลี้ยงกระแส ลากคิวไปว่ากันหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ที่แน่ๆ ไม่ได้อยู่เฉยๆเป็นเป้านิ่งรับแรงกระแทก
ตามบทผู้นำหญิงที่ขยัน ทุ่มเท ตั้งใจ มุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำงาน ตามโปรแกรมกลับจากประชุมนานาชาติที่ตะวันออกกลาง ก็ล่องใต้ต่อ ไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถิ่นไข่แดงประชาธิปัตย์
จัดคิวไม่ให้ว่างมาต่อปากต่อคำปมเครียดๆทางการเมืองได้เนียนๆ.
ตามท้องเรื่องมหากาพย์ “ขุมทรัพย์สื่อสาร” ที่เป็นชนวนโค่นอำนาจอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จากปมขายหุ้นอาณาจักรชินฯให้กับกลุ่มทุนข้ามชาติของสิงคโปร์ มูลค่ามหาศาลกว่า 7 หมื่นล้านบาท เป็นหัวเชื้อให้ฝ่ายต่อต้านปลุกกระแสโห่ไล่ ก่อนถูกปฏิวัติรัฐประหาร และที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็สั่งยึดทรัพย์เกือบครึ่งหนึ่งของอดีตนายกฯตกเป็นของแผ่นดิน
ฐานคอรัปชันเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง
โดยท้องเรื่องต่อเนื่องกัน มันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้กับปรากฏการณ์ยื้อยุดฉุดกระชากโครงการประมูลเครือข่ายโทรศัพท์ระบบ 3 จี ที่กลายเป็นวาระแห่งชาติที่หลายฝ่ายกระโดดเข้าร่วมวงตะลุมบอน แม้จะผ่านขั้นตอนการประมูลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไปแล้ว
แต่ส่อแววว่าจะสะดุด 3 จี มีแนวโน้มว่าอาจต้องรอไปอีก 3 ชาติ
ในบรรยากาศที่ฝ่ายต้านแปรรูปขบวนเข้าขวางลำ โดยเฉพาะน้ำหนักของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เปิดหน้าเปิดตัวออกมาเล่นเอง ถึงขั้นทำหนังสือคัดค้านการประมูลคลื่น 3 จีของ กสทช.ให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการจัดประมูลใบอนุญาต 3 จี ที่อาจเข้าข่ายขัด พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือที่รู้จักกันว่า “พ.ร.บ.ฮั้ว”
และก็เปิดตัวออกมาถือหางทันทีเลยเหมือนกัน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ยกย่องบทบาทของ น.ส.สุภา เป็นคนที่เที่ยงตรง น่าได้รับการปกป้องจากคนไทย แถมไม่วายแขวะไปถึง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ไปยันนักการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ไม่กล้าวิจารณ์ปมฮั้วประมูล 3 จี
ไม่กล้าสวนกระแสสังคมไทยส่วนใหญ่ที่อยากให้เดินหน้า
ประชดประชันกันเป็นเชิงเหน็บพวกเห่อเทคโนโลยีใหม่ โดยไม่สนความผิดถูก
โดยจังหวะหามุมกระแทกชิ่งของนายกรณ์ มันก็น่าสนใจ ถ้าเจ้าภาพหลักของโครงการประมูล 3 จีไม่ใช่องค์กรอิสระอย่าง กสทช. แต่เป็นงานในความรับผิดชอบของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ป่านนี้มีหวังโดนพรรคประชาธิปัตย์กับเครือข่ายฝ่ายต้านดาหน้าถลกหนังเลือดสาด
สั่งเช็กบิล เคลียร์โต๊ะกันไปแล้ว
แต่ในแนวกลับกัน เมื่อไม่เกี่ยวกับรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” อยู่นอกวิถีแรงกระแทก ตามจังหวะก็ถือว่าปม 3 จี ได้ช่วยแบ่งเบากระแส เบี่ยงพื้นที่ข่าวในประเด็นที่มีผลลบต่อรัฐบาล
ในปรากฏการณ์ที่เซียนการตลาดมองว่า “เป้าโฟกัส” เบลอ
ยิ่งสำรวจกระดานข่าวที่กระจัดกระจายสารพัดปมร้อนแทรกคิวกันรายวัน ถึงวันนี้เรื่องจำนำข้าวที่จัดเป็นเดิมพันอยู่เดิมพันไปของรัฐบาลก็ซาลงไป ตามอารมณ์นิ่งๆของนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ย้ำสคริปต์เดิมรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไป เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรชาวนา
ฝ่ายจ้องล้มโครงการไม่กล้าบุ่มบ่ามหักอารมณ์รากหญ้าก็แล้วกัน
ขณะที่ปมร้อนไซฟ่อนเงินที่ฮ่องกงที่ฮือฮาๆแต่พอต่างฝ่ายต่างโต้กันไปมา เปิดโปงตัวละครที่อยู่เบื้องหลังใครเป็นใคร ชั่งน้ำหนักระหว่าง “เจ๊ ด” เจ้าประจำที่ถูกโยงกับปมคอรัปชัน กับพวกขาประจำที่จ้องล้ม “ยิ่งลักษณ์”
หักลบกลบกระแสกัน มันจึงยังก้ำกึ่ง ไม่ถึงกับเข้าเนื้อลึกมาก
ยังมีวาทกรรม “ชายชุดดำ” ที่เบิ้ลบลัฟกันไปมา ฝ่ายประชาธิปัตย์จัดแรลลี่ตามล่าหาไอ้โม่งแฝงตัวในม็อบแดงฆ่าเจ้าหน้าที่และประชาชน ฝั่งเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง นปช.ก็โต้ด้วยการตั้งค่าหัวให้เป็นล้านถ้าลากคอไอ้โม่งชุดดำมาประจานได้
โดยจังหวะต่อเนื่องยังโยงไปถึงความเคลื่อนไหวในเวทีสานเสวนาที่ฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มอบธงให้ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ลุยถั่วยั่วอารมณ์ของฝ่ายต้านเกมปรองดอง
ลองของ แหย่ๆถอยๆ สับขาหลอกกันเป็นระยะ
ในจังหวะที่นายกฯยิ่งลักษณ์ยังถือไพ่เด็ดอยู่ในมือ พร้อมตีเล่นกระแสได้ในสถานการณ์จวนตัว กับเกมปรับ ครม.ที่ยังเลี้ยงกระแส ลากคิวไปว่ากันหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ที่แน่ๆ ไม่ได้อยู่เฉยๆเป็นเป้านิ่งรับแรงกระแทก
ตามบทผู้นำหญิงที่ขยัน ทุ่มเท ตั้งใจ มุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำงาน ตามโปรแกรมกลับจากประชุมนานาชาติที่ตะวันออกกลาง ก็ล่องใต้ต่อ ไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถิ่นไข่แดงประชาธิปัตย์
จัดคิวไม่ให้ว่างมาต่อปากต่อคำปมเครียดๆทางการเมืองได้เนียนๆ.
ทีมข่าวการเมือง
โดย: ทีมข่าวการเมือง
22 ตุลาคม 2555, 05:03 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น