วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คอรัปชั่น เมื่อ 11 ต.ค.55




เรียน คุณอัตถ์ ที่นับถือ
    ตั้งแต่เข้ายุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจเมื่อปี ๒๕๔๔ เป็นต้นมา ทำให้ชาวไทยแบ่งแยกออกเป็น ๒ ขั้วได้อย่างชัดเจน และดูเหมือนการแยกขั้วครั้งนี้ไม่มีทีท่าว่าจะมาหลอมรวมกันได้อีกต่อไป ทั้งนี้ก็เพราะว่าแต่ละขั้วนั้นไปไกลสุดกู่แล้ว ผมได้ติดตามและดูพฤติกรรมของแต่ละขั้วแล้ว พอจะแยกออกเป็นขั้วใหญ่ๆ ได้ ๒ ขั้ว คือ
    ๑.ขั้วที่เห็นว่าอะไรก็ได้และอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แต่ขอให้ข้าได้ประโยชน์ พวกพ้องได้ประโยชน์ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ ระดับ คือ
    ก.ระดับนักการเมือง นักการเมืองขั้วนี้จะทำทุกอย่างแม้จะผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม จริยธรรม กฎระเบียบต่างๆ ก็จะทำเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงไปสู่อำนาจ เพื่อแสวงหาลาภ ยศ ชื่อเสียง และจะไม่มองถึงผลเสียที่จะตามมาในอนาคต ดังที่เราเห็นนักการเมืองส่วนใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน
    ข.ระดับประชาชน มีจำนวนประชาชนส่วนใหญ่ที่ออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้ง และนอนหลับทับสิทธิ์ซึ่งคิดว่าอะไรก็ได้ ประชาชนส่วนนี้ไม่คิดอะไรมาก เพียงแต่นักการเมืองคนไหนจะให้ประโยชน์ตอบแทนตัวเอง ญาติพี่น้องในตอนนี้ และจะให้ต่อไปจำนวนมากๆ ก็จะนิยมชมชอบ แม้เขาจะเป็นคนชั่ว คนโกง คนเลวเพียงใด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัจจัยนำมาคิดถึง อนาคตประเทศชาติจะเป็นอย่างไรไม่ใช่หน้าที่ เมื่อคน ๒ ระดับมาเจอกัน สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจึงไปด้วยกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย เหิมเกริม หลงใหลในอำนาจอย่างสนุกสนาน
    ๒.ขั้วที่เห็นว่าการบริหารประเทศจะต้องอาศัยนิติรัฐ นิติธรรม มีกติกามารยาท การทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ มองการณ์ไกล มองรอบด้าน ทุกอย่างคำนึงถึงประเทศชาติและสถาบันเป็นหลัก ขั้วฝ่ายนี้จะแบ่งได้ ๒ ระดับเช่นกัน
    ก.ระดับนักการเมือง นักการเมืองขั้วนี้มีน้อยและแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ เพราะตราบใดถ้าเมืองไทยยังใช้ระบบประชาธิปไตย การกระทำความคิดเห็นของข้าคือความถูกต้องเหมือนเช่นทุกวันนี้ คนดีๆ เสนอตัวทีไรประชาชนก็เบือนหน้าหนีเพราะไม่มีเงินจ่าย
    ข.ระดับประชาชน ก็เหลือน้อยลงทุกที จากการสำรวจเรื่องคอรัปชั่นของนักการเมือง ก็จะเห็นได้ว่าประชาชน ๖๐-๗๐% เห็นด้วยถ้านักการเมืองคอรัปชั่นแล้วแบ่งมาให้บ้าง ประชาชนขั้วนี้ไม่มีใครสอน ไม่ได้ข้อมูล ไม่ได้ปัญญาจากหน่วยงานไหน สื่อแขนงต่างๆ ก็ละเลย เพราะแทบทุกค่ายหลงละเลิงไปกับความสวยของนายกรัฐมนตรีกันหมด ที่เหลือไม่กี่สื่อ เช่น ไทยโพสต์ก็กระจายไม่ทั่วถึง และที่ประชาชนยังยึดมั่นอยู่กับความถูกต้อง ยึดมั่นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศชาติ สถาบัน ก็ด้วยจิตสำนึก ด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อแผ่นดินอย่างไม่เสื่อมคลาย ผมคิดว่าถ้าเมืองไทยอยู่ในสภาพประชาธิปไตยเช่นทุกวันนี้ อีกไม่ช้าไม่นานเมืองไทยอาจจะถึงกาลวิบัติตกอยู่ในอุ้งมือมัจจุราชอย่างแน่นอน
    คุณอัตถ์คิดเหมือนผมไหม รัฐบาลเหมือนเจ้ามือแชร์ลูกโซ่เหมือนที่ชาวบ้านถูกหลอกบ่อยๆ ที่เล่นแล้วตอนแรกๆ จะได้ผลตอบแทนงามจึงทุ่มเงินเล่นมากๆ จนสุดท้ายสิ้นเนื้อประดาตัว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังทำประชานิยมแจกเงินชาวบ้านอย่างสนุกสนาน ประชาชนก็นิยมชมชื่นนายกฯ หญิงเหมือนเทวดามาโปรดคล้ายๆ แชร์ลูกโซ่ ชาวบ้านที่เอาเงินจากสมาชิกเข้าใหม่ให้สมาชิกเก่า เมื่อไม่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นก็เจ๊ง เช่นเดียวกับรัฐบาลก็กู้เงินมาโปะประชานิยม เมื่อกู้มามากๆ ก็แจกได้ แต่เมื่อหมดหนทางกู้และไม่มีเงินชำระหนี้ ผมก็คิดว่าแชร์ลูกโซ่วงใหญ่ของรัฐบาลก็คงจะเจ๊งเหมือนกับแชร์นางชม้อยได้เหมือนกัน.....
                            นิทัศน์ บุญทัน
    นี่แหละครับผลของการยอมให้นักการเมืองคอรัปชั่น แต่ต้องแบ่งด้วย ที่จริงผมว่ามันเป็นพื้นฐานของสังคมไทยมานานแล้วครับ การนับหน้าถือตาคนมีเงิน หรือการยอมรับกันที่เงิน เพียงแต่ไม่หนักหนาสาหัสเท่าช่วงที่รัฐบาลทุนสามารถเข้ามาบริหารประเทศได้ เพาะเห็นช่องทางในการสร้างคะแนนนิยม โดยอาศัยความยากจนของประชาชนเป็นเครื่องมือ ด้วยการปูพรมนโยบายประชานิยม จนสร้างนิสัยใหม่ให้กับผู้คนนั่นคือ ประชาชนมีหน้าที่ไปเลือกตั้งและแบมือขอเพียงสองอย่าง ไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่น
    โครงการรับจำนำข้าวเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการความนิยมจากชาวนา โดยไม่สนใจว่าอนาคตของชาวนาเหล่านั้นจะเป็นเช่นไร ขณะที่ชาวนาซึ่งมีความยากจนเป็นทุนเดิม เขารู้สึกว่ารัฐบาลให้ความช่วยเหลือเขา ผมไม่โทษชาวนาครับ คนหาเช้ากินค่ำจะไปคิดถึงอนาคตของประเทศได้อย่างไร แต่ผมรู้สึกสมเพชที่นักการเมืองใช้ความเดือดร้อนของชาวนาเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจ
    แต่อย่าลืมนะครับ ทุกอย่างต้องมีจุดสิ้นสุด แล้วความอัปยศต่างๆ จะแดงออกมา โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณในโครงการรับจำนำข้าว และการคอรัปชั่นกันอย่างมโหฬาร
    เรื่องคอรัปชั่นนั้น มีความพยายามจากรัฐบาลที่จะปราบปราม ตั้งใจออกข่าวให้ใหญ่โต แต่ขอโทษทีครับ รัฐบาลมุ่งไปเล่นงานปลาซิวปลาสร้อย ปล่อยให้ปลาวาฬจอมละโมบ ก็พวกเจ๊ๆ นั่นแหละครับ งาบข้าวกันต่อ การโกงจำนำข้าวคราวนี้ตัวเลขอาจพุ่งไปถึงระดับแสนล้านบาทนะครับ ถ้ารัฐบาลยังเดินหน้าไม่แก้ไขหลักเกณฑ์การจำนำใหม่ให้เหมาะสม อาจได้เห็นนักการเมืองเข้าไปอยู่ในคุกครับ
    ผมเชื่อของผมนะครับ แชร์ลูกโซ่ต้องมีวันล้ม ส่วนเจ้ามือไม่ติดคุกก็ต้องหนีไปดูไบ...เอ๊ะ...แล้วผมรู้ได้ไงว่าหนีไปดูไบ ชักงงตัวเองแล้วซิ (ฮา). 
                     นักการเมือง
เรียน คุณอัตถ์ อัตนัย
    ประเทศไทยขาดแคลนนักการเมืองมาเป็นเวลานานเกือบ ๘ ทศวรรษ และเป็นสาเหตุหลัก  สาเหตุสำคัญ และสาเหตุที่เป็นก้นบึ้งของการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุด ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยอยู่ในขณะนี้
    -คำว่า เมือง (polis) คือ ที่ที่มีคนรวมอยู่จำนวนมาก อาศัยอยู่รวมกันหลายเมือง จึงเป็นประเทศชาติ
    -คำว่า การเมือง (politics) คือ เวทีหรือสนามของคนที่อาสาเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติและคนในชาติเท่านั้น
    -คำว่า นักการเมือง (politician) คือ คนที่อาสาเข้ามาทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อดูแลประเทศชาติและประชาชนเท่านั้น ไม่ทำกิจการอื่นๆ นอกเหนือไปจากนี้อย่างสิ้นเชิง
    ฉะนั้น คนที่เข้ามาทำงานการเมืองในขณะนี้ ไม่ใช่นักการเมือง จึงทำให้ประเทศชาติตกอยู่ในสภาพขาดแคลนนักการเมือง ส่วนเขาจะเป็นอะไรนั้นก็รู้ๆ กันอยู่ จนมีเสียงก่นด่าและสาปแช่งอยู่ทุกวัน
    นักการเมืองฝ่ายค้านกับรัฐบาลต้องเป็นมิตรกัน จะห้ำหั่นกันในเชิงดูแลประเทศชาติให้ถูกทาง ถูกต้องเท่านั้น แต่ในขณะนี้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล โกรธ เกลียด และเป็นศัตรูกับฝ่ายค้าน จะเห็นได้ว่าตามไปราวี รังควานอยู่ทุกแห่งหน
    เมื่อก่อนผมไม่ดูข่าวการเมืองของพม่าและเขมร เดี๋ยวนี้เพิ่มไทยเข้าไปด้วยแล้ว
    การเมืองไทยคงจะย่ำอยู่เช่นนี้ไปอีกนาน ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ (ผมเคยเสนอให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองไว้อย่างน้อย ๓ ปี ให้แสดงวุฒิภาวะของนักการเมืองให้เห็นก่อนแล้วจึงจะลงสมัครเป็น ส.ส.ได้) หรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เดิมชื่อ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ควรเปิดสอนใหม่ ไม่ต้องมีคณะวิชาต่างๆ สอนแต่การเมืองอย่างเดียวให้ครบถ้วนกระบวนการจนมีวุฒิภาวะของนักการเมืองเต็มตัว จะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติมาก
                                สูง สีชม
    หุๆๆๆ แค่รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ที่พยายามคุมเข้มการเข้าสู่อำนาจของนักการเมือง ก็กำลังโดนฉีกทิ้ง นั่นเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศนะครับ พวกนักการเมืองยังจะฆ่าทิ้งเลย ถ้าจะขึ้นทะเบียนนักการเมืองล่วงหน้า ๓ ปี ต้องฆ่านักการเมืองชั่วๆ ให้หมดไปก่อนนั้นแหละครับถึงจะแก้ไขกฎหมายได้ ถ้าไม่ทำแบบที่ว่าก็ไม่มีทางครับ
    ประเทศไทยเราก็แปลกนะครับ อะไรๆ ก็อ้างฝรั่งดีกว่า พอเขียนกติกาให้การเมืองสะอาดแบบฝรั่งบ้าง ก็จะฉีกทิ้งซะงั้น
    เอาเป็นว่าจะแก้ไขกติกาเพื่อตรวจสอบนักการเมือง ไม่มีทางทำได้ในยามที่นักการเมืองมีอำนาจครับ ผมไม่ชอบรัฐประหาร และไม่เคยเห็นด้วยกับการปฏิวัติโดยทหาร แต่เชื่อมั้ยครับ ถ้าจะเอานักการเมืองให้อยู่หมัด ก็ต้องอาศัยการรัฐประหารเป็นใบเบิกทาง เหมือนที่เกิดกับรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ นั่นแหละครับ 
    แล้วอย่าไปแปลความว่าผมเห็นด้วยกับรัฐประหารซะหละ เพราะผมเกลียดที่สุดคือการปล้นอำนาจของประชาชน จนเดี๋ยวนี้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็เป็นกับเขาด้วย ปล้นอำนาจประชาชนยังไม่พอ ยังปล้นความเป็นคนของตัวเองด้วยอีกต่างหาก.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น