แซ่ซ้อง'ในหลวง'เสด็จฯทางชลมารค
สองฝั่งเจ้าพระยาแซ่ซ้อง "ทรงพระเจริญ" "ในหลวง" เสด็จฯทางชลมารคทรงเปิด "5 โครงการน้ำสร้างชีวิต"
ภาพแห่งความประทับใจของพสกนิกรชาวไทยสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อครั้งมีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค
โดย "เรืออังสนา" ซึ่งแปลว่า "ดอกประดู่" ที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง
ไปทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 และประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553
ความทรงจำวันวานจะหวนกลับมาอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคมนี้ "พ่อของแผ่นดิน" จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ "5 โครงการชลประทาน น้ำสร้างชีวิต" ณ บริเวณท่าเรือกรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพฯ สำหรับทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์ โครงการประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม โครงการประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จ.นครศรีธรรมราช โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก และโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก
โดยเวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช เพื่อประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังบริเวณเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ทอดพระเนตรทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน
กระทั่งเวลาประมาณ 18.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของโครงการโดยสังเขป
ต่อมาเวลา 19.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม “น้ำสร้างชีวิต” โดยใช้เทคนิคแสงสีเสียงที่ทันสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวในลักษณะไตรวิชั่นฉายไปบนจอวีดิทัศน์ขนาดใหญ่กว้าง 45 เมตร สูง 12 เมตร ที่ติดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด จะเปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพ นายกรัฐมนตรีกล่าวนำประชาชนทุกคนถวายพระพรชัยมงคล เวลา 19.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางพระหัตถ์บนแท่นตราสัญลักษณ์โครงการ พร้อมทอดพระเนตรวีดิทัศน์บรรยากาศสดจาก 5 จังหวัด ที่ร่วมกันแปรอักษรเป็นคำว่า “ทรงพระเจริญ” เมื่อเสร็จพิธีสมควรแก่เวลาเรือพระที่นั่งอังสนาแล่นออกจากบริเวณท่าเรือหน้ากรมชลประทาน สามเสน กลับไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 20.30 น.
ส่วนความคืบหน้าในการเตรียมการรับเสด็จ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยและเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 6 กรกฎาคม จะซ้อมเสมือนจริงช่วงการเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคโดยเรืออังสนาที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนเฝ้ารับเสด็จ ตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช ไปจนถึงกรมชลประทาน สามเสน และเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี
"5 โครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ล้วนยังประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำต่างๆ ทั้งช่วยเพิ่มการกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ตลอดทั้งปี เพิ่มพื้นที่การเกษตร แก้ปัญหาดินเปรี้ยว และช่วยบรรเทาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการทั้งหมดแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2539 แต่ยังไม่เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิด" นายเลิศวิโรจน์ระบุ
ขณะที่ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ เพื่อประดับประดาธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ รวมทั้งข้อความว่า "คนนนท์ เทิดทูนสถาบัน" ส่วนวัด สุเหร่า มัสยิด จะร่วมกันสวดถวายพระพรในระหว่างที่เสด็จฯ ทางชลมารคในครั้งนี้
30วัดริมน้ำประดับธง-เปิดพื้นที่รอรับเสด็จ
การเตรียมความพร้อมในการจัดพื้นที่สำหรับประชาชนได้เฝ้ารับเสด็จนั้น นายบุญเลิศ โสภา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี บอกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้สั่งการให้พื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บางกรวย อ.ปากเกร็ด และอ.เมืองนนทบุรี เตรียมการรับเสด็จ โดยประดับประดาธง ขึ้นป้ายเทิดทูนสถาบัน ในส่วนของวัดจะมีพื้นที่ให้ประชาชนไปเฝ้ารับเสด็จได้ประมาณ 30 วัด เช่น อ.บางกรวย ที่วัดลุ่มคงคาราม, อ.เมือง ที่วัดค้างคาว วัดตึก วัดศาลารี วัดเขียน วัดสลักใต้ วัดตำหนักใต้ วัดท้ายเมือง วัดเขมาภิรตาราม วัดปากน้ำ
ส่วน อ.ปากเกร็ด ที่วัดเชิงเลน วัดท่าอิฐ วัดแสงสิริธรรม วัดใหญ่สว่างอารมณ์ วัดไผ่ล้อม วัดปากคลองพระอุดม วัดเสาธงทอง วัดบางจาก วัดปรมัยยิกาวาส วัดเตย วัดสนามเหนือ วัดกลางเกร็ด วัดฉิมพลี
ทั้งนี้ ทางจังหวัดเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จริมน้ำ หากจะต้องลงไปที่โป๊ะจะจำกัดจำนวนคนไม่ให้เกินน้ำหนักที่โป๊ะจะรับได้ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดด้วย
.............
(หมายเหตุ : ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก "เรารักชลประทาน")
ความทรงจำวันวานจะหวนกลับมาอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคมนี้ "พ่อของแผ่นดิน" จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ "5 โครงการชลประทาน น้ำสร้างชีวิต" ณ บริเวณท่าเรือกรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพฯ สำหรับทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์ โครงการประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม โครงการประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จ.นครศรีธรรมราช โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก และโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก
โดยเวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช เพื่อประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังบริเวณเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ทอดพระเนตรทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน
กระทั่งเวลาประมาณ 18.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของโครงการโดยสังเขป
ต่อมาเวลา 19.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม “น้ำสร้างชีวิต” โดยใช้เทคนิคแสงสีเสียงที่ทันสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวในลักษณะไตรวิชั่นฉายไปบนจอวีดิทัศน์ขนาดใหญ่กว้าง 45 เมตร สูง 12 เมตร ที่ติดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด จะเปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพ นายกรัฐมนตรีกล่าวนำประชาชนทุกคนถวายพระพรชัยมงคล เวลา 19.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางพระหัตถ์บนแท่นตราสัญลักษณ์โครงการ พร้อมทอดพระเนตรวีดิทัศน์บรรยากาศสดจาก 5 จังหวัด ที่ร่วมกันแปรอักษรเป็นคำว่า “ทรงพระเจริญ” เมื่อเสร็จพิธีสมควรแก่เวลาเรือพระที่นั่งอังสนาแล่นออกจากบริเวณท่าเรือหน้ากรมชลประทาน สามเสน กลับไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 20.30 น.
ส่วนความคืบหน้าในการเตรียมการรับเสด็จ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยและเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 6 กรกฎาคม จะซ้อมเสมือนจริงช่วงการเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคโดยเรืออังสนาที่กองทัพเรือจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนเฝ้ารับเสด็จ ตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช ไปจนถึงกรมชลประทาน สามเสน และเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี
"5 โครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ล้วนยังประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำต่างๆ ทั้งช่วยเพิ่มการกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ตลอดทั้งปี เพิ่มพื้นที่การเกษตร แก้ปัญหาดินเปรี้ยว และช่วยบรรเทาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการทั้งหมดแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2539 แต่ยังไม่เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิด" นายเลิศวิโรจน์ระบุ
ขณะที่ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ทางจังหวัดได้ประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ เพื่อประดับประดาธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ รวมทั้งข้อความว่า "คนนนท์ เทิดทูนสถาบัน" ส่วนวัด สุเหร่า มัสยิด จะร่วมกันสวดถวายพระพรในระหว่างที่เสด็จฯ ทางชลมารคในครั้งนี้
30วัดริมน้ำประดับธง-เปิดพื้นที่รอรับเสด็จ
การเตรียมความพร้อมในการจัดพื้นที่สำหรับประชาชนได้เฝ้ารับเสด็จนั้น นายบุญเลิศ โสภา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี บอกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้สั่งการให้พื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บางกรวย อ.ปากเกร็ด และอ.เมืองนนทบุรี เตรียมการรับเสด็จ โดยประดับประดาธง ขึ้นป้ายเทิดทูนสถาบัน ในส่วนของวัดจะมีพื้นที่ให้ประชาชนไปเฝ้ารับเสด็จได้ประมาณ 30 วัด เช่น อ.บางกรวย ที่วัดลุ่มคงคาราม, อ.เมือง ที่วัดค้างคาว วัดตึก วัดศาลารี วัดเขียน วัดสลักใต้ วัดตำหนักใต้ วัดท้ายเมือง วัดเขมาภิรตาราม วัดปากน้ำ
ส่วน อ.ปากเกร็ด ที่วัดเชิงเลน วัดท่าอิฐ วัดแสงสิริธรรม วัดใหญ่สว่างอารมณ์ วัดไผ่ล้อม วัดปากคลองพระอุดม วัดเสาธงทอง วัดบางจาก วัดปรมัยยิกาวาส วัดเตย วัดสนามเหนือ วัดกลางเกร็ด วัดฉิมพลี
ทั้งนี้ ทางจังหวัดเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จริมน้ำ หากจะต้องลงไปที่โป๊ะจะจำกัดจำนวนคนไม่ให้เกินน้ำหนักที่โป๊ะจะรับได้ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดด้วย
.............
(หมายเหตุ : ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก "เรารักชลประทาน")
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น