วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รอรับเสด็จทางชลมารค เมื่อ 5 ก.ค.55



พสกนิกรทั้งในเขต กทม.และนนทบุรี รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง ต่างใจจดใจจ่อเฝ้ารอวันแห่งความปลื้มปีติ ที่จะได้ชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว อีกครั้ง ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ในวันที่ 7 ก.ค. โดยเรือพระที่นั่งอังสนาที่กองทัพเรือ จัดถวาย จากท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราชไปยังบริเวณเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิดโครงการชลประทาน ที่จัดสร้างขึ้นตามพระราชดำริ จำนวน 5 โครงการ ณ ที่ทำการกรมชลประทาน สามเสน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับโรงพยาบาลศิริราช

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 4 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมน ตรี แถลงว่าในวโรกาสอันน่าปลื้มปีตินี้  สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนส่วนราชการ  องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น บริษัทห้างร้าน ชุมชน และประชาชนที่มีที่ทำการหรือตั้งบ้านเรือนอยู่สองฝั่งลำน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราชจนถึงเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการตั้งโต๊ะหมู่บูชาเป็นราชสักการะ ประดับธงทิว โคมไฟฟ้า โคมประทีป พร้อมทั้งเฝ้าชมพระบารมีในระหว่างเวลาที่เสด็จ พระราชดำเนินผ่านโดยพร้อมเพรียงกัน

นายธงทองกล่าวว่า ส่วนวัดวาอารามที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำในเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน  จะมีพระสงฆ์ สวดชยันโตเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสนี้ด้วย สำหรับการจัดโต๊ะหมู่บูชารับเสด็จ ให้ใช้โต๊ะหมู่บูชาที่ใช้อยู่เป็นประจำ เช่น โต๊ะหมู่ 5 โต๊ะหมู่ 7 หรือโต๊ะหมู่ 9 โดยประดับตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้หรือพุ่มดอกไม้ตามแต่สมควร พร้อมด้วยเครื่องบูชา คือ ธูปและเทียน ซึ่งจัดลักษณะพานดอกไม้ธูปเทียนแพ หรือใช้ธูปเทียน เบื้องบนโต๊ะหมู่บูชาอาจประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์หรืออักษรพระปรมาภิไธยย่อ ขณะเสด็จพระราชดำเนินผ่าน หัวหน้าหน่วยงานหรือเจ้าของบ้านอาจจะจุดธูปเทียนรับเสด็จพระราชดำเนิน หรือไม่จุด แต่ตั้งเป็นเครื่องสักการะก็ได้ รวมทั้งอาจจะมีการจัดการแสดงมหรสพรื่นเริงเพื่อเป็นการฉลองพระเกียรติยศ และเพื่อความบันเทิงของผู้ที่มาเฝ้าชมพระบารมีด้วย

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล วันเดียวกัน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. ดูแลงานกิจการพิเศษ กล่าวภายหลังประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมถวายการรักษาความปลอดภัย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จฯจาก ท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช ล่องเรือไปบริเวณเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนเสด็จฯกลับโรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 7 กรกฎาคมว่า ได้เรียกประชุมหน่วยปฏิบัติทั้งทหาร ตำรวจนครบาล ตำรวจ บช.ภ.1 บช.ก. กทม. และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องมาร่วมพูดคุย ทำให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราช ดำเนินทางชลมารคโดยเรือพระที่นั่งอังสนาไปวนเกาะเกร็ด แล้วกลับมาจอดลอยลำที่กลางแม่น้ำหน้ากรมชลประทาน สามเสน ทอดพระเนตรภาพโครงการชลประทานทั้ง 5 แห่งจากจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ เสร็จแล้ว  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงประกอบพิธีเปิดโครงการชลประทานทั้ง 5 แห่งพร้อมกันบนเรือ ส่วนด้านหลังซึ่งเป็นคอนโดมารีน่า และมาย รีสอร์ต ย่านฝั่งธนบุรี จะฉายภาพเลเซอร์เกี่ยวกับภารกิจต่างๆ รวมถึงมีการจุดพลุด้วย

“สำหรับการจัดกำลังดูแลทางน้ำ เป็นหน้าที่ของกองทัพเรือ บน 2 ฝั่งในเขตนครบาล บช.น.ดูแล นอกเขตเป็นของ บช.ภ.1 ได้เตรียมกำลังไว้แล้ว โดยบริเวณกรมชลประทาน จะมีแขกวีไอพีจำนวนมาก ได้ตั้งศูนย์รักษาความปลอดภัยที่นั่นด้วย นอกจากนี้ บก.น.7 ก็จะตั้งจุดที่ฝั่งตรงข้าม โดยได้มีการกำหนดจุดปลอดภัย จุดฉุกเฉิน รถพยาบาลทั้ง 2 ฝั่ง สถานที่จอดเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉิน ส่วนนี้เตรียมไว้หมดแล้ว เพราะมีประสบการณ์ตอนที่ท่านเสด็จฯที่คลองลัดโพธิ์  สำหรับเวลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกจากท่าศิริราชในเวลา 16.30 น. ไปยังเกาะเกร็ดและเสด็จฯกลับมาประมาณ 18.45 น. จอดเรือลอยลำประมาณ 1 ชั่วโมง  คาดว่าจะเสด็จฯถึงโรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 20.30 น. เบื้องต้นได้ชี้แจงภารกิจทั้งหมดให้หน่วยที่ร่วมปฏิบัติทั้งหมดแล้ว ส่วนการปิดการจราจรทางน้ำ กรมเจ้าท่าเป็นผู้ดูแล ท่าเรือต่างๆ กทม.ก็จัดคนไปดูแลในจุดล่อแหลม ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งร้านอาหาร คอนโดมิเนียม ที่รกร้างว่างเปล่า ทั้งสองฝั่งจากโรงพยาบาลศิริราช ไปจนสุดเขตนครบาล ซึ่งได้วางกำลังทุกจุด ในส่วนของนครบาลใช้กำลังไม่ต่ำกว่า 200 นาย โดยวันที่ 5 กรกฎาคม เวลา 16.00 น. จะไปตรวจเส้นทางจริง

พล.ต.ต.อนันต์กล่าวอีกว่า ถือว่าพระองค์ท่านมีพระพลานามัยที่ดี สามารถเสด็จฯในระยะเวลาที่ค่อนข้างนานได้  สำหรับการปิดสะพานนั้น มี 5 แห่ง คือ สะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 สะพานกรุงธน สะพานพระราม 6 และสะพานพระราม 7 ซึ่งจัดรอง ผบก. แต่ละพื้นที่ รับผิดชอบในการปิดสะพานแต่ละแห่ง

ขณะที่นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.นนทบุรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับเสด็จพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ในส่วนของจังหวัดนนทบุรีเริ่มตั้งแต่พื้นที่รอยต่อกับ กทม.บริเวณเชิงสะพานพระราม 7 หน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สิ้นสุดที่บริเวณเกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด ได้ประสานงานให้ อปท.จัดสนับสนุนประชาชนเรื่องการประดับธงชาติ ตราสัญลักษณ์และพระบรมสาทิสลักษณ์ ตามรายทางริมแม่น้ำเส้นทางเสด็จผ่าน นอกจากนี้บริเวณสถานที่ราชการ อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ วัดเฉลิมพระเกียรติวรมหาวิหาร อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 3 กรมราชทัณฑ์ กระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้จัดเตรียมสถานที่รองรับประชาชนหลายหมื่นคนที่จะมาเฝ้ารอชมพระบารมี โดยจังหวัดนนทบุรีมีทั้งหมด 6 อำเภอ ให้จับคู่อำเภอบางกรวย -บางใหญ่  อ.เมืองนนทบุรี-อ.บางบัวทอง อ.ปากเกร็ด-อ.ไทรน้อย ดูแล ประชาชนที่จะเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จ ไฮไลต์สำคัญคือนายศรสุธา กลั่นมาลี หรือถั่วแระ เชิญยิ้ม นายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย ได้จัดเชิดสิงโตเพื่อถวายพระพร นอกจากนี้ สถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น โบสถ์คริสต์ วัด มัสยิด ตามเส้นทางที่เสด็จผ่านก็จะมีการสวดมนต์ถวายพระพรด้วย

ด้านนายเผ่าพงษ์ เต็มสัมฤทธิ์ ผอ.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์โครงการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เผยว่าในส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯได้รับคำสั่งจากผู้ว่าการฯ ให้จัดสถานที่เตรียมรองรับประชาชนในเขต อ.บางกรวย และ อ.บางใหญ่ ที่จะมาเฝ้ารับเสด็จที่บริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะรองรับคนได้ประมาณ 3-4 พันคน โดยมีการเตรียมข้าวกล่อง น้ำดื่ม รถปฐมพยาบาล บริการฟรีแก่ประชาชน เนื่องจากถือเป็นการเสด็จครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ขอเชิญชวนประชาชนที่จะมาเฝ้ารับเสด็จ พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพูเพื่อแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น